พีจีเอทัวร์กับสถิติที่น่าสนใจในเดือนกรกฎาคม “ฮาร์แมน” ฉลองชัยในศึกเมเจอร์ ดิ โอเพน แชมเปี้ยนชิพ “แม็คอิลรอย” ปิดฉากหรูคว้าแชมป์สกอตติช โอเพ่น
4 สิงหาคม 2566 – ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ ไทเกอร์ วูดส์ คว้าแชมป์ดิ โอเพน แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี ค.ศ. 2006 เขาทำผลงาน 72 หลุมที่สนามรอยัล ลิเวอร์พูล โดยไม่มีตีตกบังเกอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว มาในปีนี้การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์รายการเก่าแก่ที่สุดหวนกลับมาที่สนามแห่งนี้อีกครั้ง และไบรอัน ฮาร์แมน ผงาดครองแชมป์เมเจอร์แรกโดยที่ตีตกทรายเพียงสองครั้ง เอาชนะคู่แข่งขาดลอย 6 สโตรก
ฮาร์แมนกลายเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ตีด้วยสกอร์อันเดอร์พาร์ในการแข่งขันทั้งสี่รอบ หวนคืนสู่ตำแหน่งแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ทำได้ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2017 ซึ่งนับเป็นระยะเวลา 6 ปี กับอีก 77 วัน โปรกอล์ฟจากรัฐจอร์เจีย เสียเพียงโบกี้เดียวใน 36 หลุมแรก และแม้ออกสตาร์ทในสองวันสุดท้ายด้วยการเสียสองโบกี้ใน 5 หลุม แต่ก็กลับมาทำอีเวนพาร์ได้เมื่อจบ 9 หลุม
ฮาร์แมนมีเกมพัตต์ที่แม่นยำตลอดสัปดาห์ เขาทำ 106 พัตต์เท่านั้นในการแข่งขัน 72 หลุม ซึ่งเป็นสถิติน้อยที่สุดของตำแหน่งแชมป์ในช่วง 20 ปีหลังสุด ไม่มีพลาดเลยในการพัตต์ระยะ 10 ฟุต จากทั้งหมด 58 ครั้ง ซึ่งเจ้าตัวให้เครดิตกับแผ่นกระจกซ้อมพัตต์ที่นำมาช่วยแก้ไขปรับปรุงการพัตต์เมื่อช่วงหลายปีก่อน และกลับมาเจออีกครั้งในห้องเก็บของที่บ้านเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเขาเริ่มนำกลับมาใช้อีกครั้งก็ช่วยให้พัตต์ได้แม่นยำมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม็คอิลรอยปิดฉากหรูที่สกอตแลนด์
รอรี่ แม็คอิลรอย โปรกอล์ฟจากไอร์แลนด์เหนือ ทำเบอร์ดี้ที่หลุม 17 และ 18 ในการแข่งขันรอบสุดท้ายรายการ เจเนซิส สกอตติช โอเพ่น ที่สนามเรเนสซองส์ คลับ ประเทศสกอตแลนด์ การทำสองเบอร์ดี้ดังกล่าวมาได้ถูกจังหวะ ช่วยให้เขาพลิกสถานการณ์จากที่ตามหนึ่งสโตรกแซงคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 24 ในอาชีพ
ผลงานในการเล่นสองหลุมสุดท้ายของแม็คอิลรอยในวันอาทิตย์ ทำได้เยี่ยมมาก โดยตีออนห่างหลุมระยะ 6 ฟุต 7 นิ้ว เทียบกับสามวันแรกที่ระยะ 61 ฟุต 1 นิ้ว มีสโตรคเกน 2.91 ในหลุมที่ 17 และ 18 ดีกว่าสามวันแรก รวมทั้งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตำแหน่งแชมป์ในพีจีเอทัวร์นับตั้งแต่ปี 2004
แม็คอิลรอย ยังเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่ทำเบอร์ดี้ในสองหลุมสุดท้ายและคว้าแชมป์นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นหลังจากคว้าแชมป์รายการแรกที่เวลส์ ฟาร์โก้ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2010 จำนวน 4,823 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวที่สุดของแชมป์ในฤดูกาลนี้ และนับเป็นฤดูกาลที่ 7 ของเขาที่ชนะเลิศหลายรายการ ดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ 3 ฤดูกาลนับตั้งแต่ปี 2012
“ฟาวเลอร์”กลับมาคว้าชัยในรอบสี่ปี
ริคกี้ ฟาวเลอร์ ห่างหายจากตำแหน่งแชมป์มานาน 4 ปี 4 เดือน กับอีก 29 วัน ดังนั้นการกลับมาคว้าชัยอีกครั้งจึงมีความพิเศษ เขาทำเบอร์ดี้ในการเล่นหลุมสุดท้าย และมาเก็บเบอร์ดี้อีกครั้งในการดวลเพลย์ออฟหลุมแรก เพื่อคว้าแชมป์รายการ ร็อคเก็ต มอร์ตเกจ คลาสสิค
โปรกอล์ฟวัย 34 ปี มีสถิติจบใน 15 อันดับแรก ในการลงเล่น 8 รายการหลังสุด ก่อนเข้าสู่การแข่งขันที่สนามดีทรอยต์ กอล์ฟ คลับ เขามีคะแนนตามหลังหนึ่งสโตรกเมื่อเข้าสู่สองวันสุดท้าย และทำได้ 10 อันเดอร์พาร์ ในการเล่น 26 หลุมสุดท้าย มีสโตรคเกน 6.06 และตีด้วยสกอร์ 60s ตลอดสี่วันเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้
ฟาวเลอร์ตีเข้ามาออน 61 กรีน ในสี่วัน เทียบเท่าสถิติดีที่สุดอันดับ 4 ของเขาในการลงเล่นในทัวร์ 14 ปี ห่างจากสถิติดีที่สุดเพียง 2 กรีน ซึ่งเขาทำได้ในรายการซีเจ คัพ เมื่อปี 2021 โดยหลุมพาร์ 5 คือหัวใจสำคัญสำหรับโปรกอล์ฟจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเขาเก็บแต้มได้ 12 อันเดอร์พาร์ มีสโตรคเกน 4.75 ในสนามนี้ ทำให้ฟาวเลอร์มีสถิติทำ 12 อันเดอร์พาร์ หรือดีกว่า ในหลุมพาร์ 5 เป็นครั้งที่ 6 ในระดับอาชีพ และได้แชมป์เป็นครั้งที่สองจาก 6 ครั้งที่ทำแบบนี้ได้ ที่เหลือจบใน 4 และ 5 อันดับแรก
พัตต์คมส่งสตราก้าครองแชมป์จอห์นเดียร์คลาสสิค
เซปป์ สตราก้า คือนิยามของผู้ไม่เคยยอมแพ้ในการแข่งขันรายการ จอห์น เดียร์ คลาสสิค เขาประเดิมรอบแรกตี 73 รั้งอันดับ 133 แต่พลิกสถานการณ์ทำได้ดีกว่าเดิม 10 ช็อตในการแข่งขันรอบที่สองในวันศุกร์ ผ่านตัดตัวได้อย่างไม่ยากเย็น และสถิติสกอร์ต่ำสุดต่อรอบตี 62 ในวันอาทิตย์ ส่งผลให้สตราก้าคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่สอง โดยเอาชนะคู่แข่ง 2 สโตรก แม้ตีตกน้ำในหลุมสุดท้าย
สตราก้าเป็นนักกอล์ฟคนที่ 4 ในฤดูกาลนี้ที่ตีโอเวอร์พาร์ในรอบแรกแล้วกลับมาคว้าแชมป์ และเป็นอันดับออกสตาร์ทที่ต่ำที่สุดของแชมป์นับตั้งแต่ 1983 นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นคนที่5 ที่ตีตกน้ำในหลุมสุดท้ายและยังคว้าชัยได้สำเร็จนับตั้งแต่ เว็บบ์ ซิมป์สัน ทำได้ในรายการ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ปี 2018 แต่สตราก้ามีสถิติเกมพัตต์ที่ดี เขาพัตต์รวมระยะ 466.11 ฟุต ที่สนามทีพีซี เดียร์ มากที่สุดในบรรดานักกอล์ฟที่คว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ และในสองรอบสุดท้าย เขาทำได้ดีกว่าคู่แข่ง 10.7 ช็อต และมีสถิติพัตต์ระยะ 57 ฟุตมากกว่าคู่แข่ง
ฮอดจ์ส นำม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ 3 เอ็ม โอเพ่น
ลี ฮอดจ์ส ประเดิมขึ้นนำในรอบแรกหลังตี 63 และไม่เสียตำแหน่งจ่าฝูง ก่อนคว้าชัยเหนือคู่แข่ง 7 สโตรก ซึ่งเป็นสกอร์ทิ้งห่างมากที่สุดของพีจีเอทัวร์ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และเป็นนักกอล์ฟคนที่ 11 ที่คว้าแชมป์ครั้งแรกในฤดูกาลนี้
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ฮอดจ์สคว้าแชมป์คือฟอร์มการเล่นในหลุมพาร์ 5 ซึ่งเขาเก็บแต้มได้ 12 อันเดอร์พาร์ เป็นอันดับหนึ่งของสนามทีพีซี ทวิน ซิตีส์ ในปีนี้ เขาทำ 8 เบอร์ดี้ 2 อีเกิ้ล ในรอบสุดท้าย มีสโตรคเกน +0.58 ในหลุมพาร์ 5 เป็นผลงานที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 5 ในทุกรายการของปีนี้ และแม้ฮอดจ์ส เพิ่งลงเล่นไปเพียง 64 รายการในทัวร์อาชีพ แต่สามารถรับมือกับความกดดันได้ดีไม่แพ้โปรจอมเก๋า และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมใน 9 หลุมสุดท้าย โดยมีสถิติทำคะแนนรวมในการเล่น 9 หลุมสุดท้าย 15 อันเดอร์พาร์ ดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ ในสนาม
“นอร์แมน” ผงาดแชมป์ที่บาร์บาโซล แชมเปี้ยนชิพ
วินเซนต์ นอร์แมน โปรกอล์ฟจากสวีเดน ผงาดครองแชมป์บาร์บาโซล แชมเปียนชิพ ที่สนามคีน เทรซ ในเมืองนิโคลาสวิลล์ รัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกของนอร์แมน ในการลงเล่น 23 รายการ มีสถิติการเล่น 9 หลุมแรก ดีกว่า 9 หลุมหลังตลอดสัปดาห์ โดยเก็บแต้มรวม 15 อันเดอร์พาร์ ในการเล่น 9 หลุมแรก และทำได้ 6 อันเดอร์พาร์ใน 9 หลุมหลัง
ความแตกต่างดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนในการแข่งขันรอบสุดท้ายในวันอาทิตย์ เมื่อนอร์แมน ทำ 6 เบอร์ดี้ในช่วง 9 หลุมแรก แต่ตีอีเวนพาร์ใน 9 หลุมหลัง เขาเชฟพาร์ระยะ 8 ฟุต ที่หลุม 18 และได้ไปเพลย์ออฟตัดสินแชมป์กับ นาธาน คิมซีย์ จากอังกฤษ และนอร์แมนเอาชนะไปได้ด้วยการเซฟพาร์ที่หลุม 18 อีกครั้ง
อัคเชย์ บาเตีย ซิวแชมป์แรกในรายการ บาร์ราคูด้า แชมเปี้ยนชิพ
อัคเชย์ บาเตีย เข้าสู่การแข่งขันในเวทีพีจีเอทัวร์ด้วยสิทธิพิเศษ และการคว้าแชมป์แรกของเขาก็เกิดขึ้นในรายการ บาร์ราคูด้า แชมเปี้ยนชิพ ที่ใช้ระบบคิดคะแนนแบบสเตเบิลฟอร์ด บาเตียได้รับการยกย่องอย่างมากสมัยเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น ซึ่งเขาตัดสินใจไม่เรียนมหาวิทยาลัยและเลือกเทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 17 ปี ในการแข่งขันรอบสุดท้าย เขาทำเบอร์ดี้ที่หลุม 18 และได้ไปเพลย์ออฟ ก่อนเอาชนะ แพทริก รอดเจอร์ส ด้วยการเซฟพาร์
ทั้งนี้ บาเตีย พุ่งขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำหลังทำได้ 17 คะแนนในรอบที่สาม ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในสนาม และมีคะแนนตามหลังร็อดเจอร์ส 3 แต้ม ตลอดสัปดาห์บาเตียทำ 23 เบอร์ดี้ 1 อีเกิ้ล 8 โบกี้ กับอีกหนึ่งดับเบิลโบกี้
เรื่อง: Helen Ross / ภาพ: Getty Images
หมายเหตุ: แฟนกีฬากอล์ฟสามารถติดตามชมการประชันฝีมือของยอดโปรกอล์ฟระดับแถวหน้าของโลกในการแข่งขันพีจีเอทัวร์ได้ทาง กอล์ฟ ชาแนล ไทยแลนด์ (Golf Channel Thailand)
4 สิงหาคม 2566 – ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ ไทเกอร์ วูดส์ คว้าแชมป์ดิ โอเพน แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี ค.ศ. 2006 เขาทำผลงาน 72 หลุมที่สนามรอยัล ลิเวอร์พูล โดยไม่มีตีตกบังเกอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว มาในปีนี้การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์รายการเก่าแก่ที่สุดหวนกลับมาที่สนามแห่งนี้อีกครั้ง และไบรอัน ฮาร์แมน ผงาดครองแชมป์เมเจอร์แรกโดยที่ตีตกทรายเพียงสองครั้ง เอาชนะคู่แข่งขาดลอย 6 สโตรก
ฮาร์แมนกลายเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ตีด้วยสกอร์อันเดอร์พาร์ในการแข่งขันทั้งสี่รอบ หวนคืนสู่ตำแหน่งแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ทำได้ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2017 ซึ่งนับเป็นระยะเวลา 6 ปี กับอีก 77 วัน โปรกอล์ฟจากรัฐจอร์เจีย เสียเพียงโบกี้เดียวใน 36 หลุมแรก และแม้ออกสตาร์ทในสองวันสุดท้ายด้วยการเสียสองโบกี้ใน 5 หลุม แต่ก็กลับมาทำอีเวนพาร์ได้เมื่อจบ 9 หลุม
ฮาร์แมนมีเกมพัตต์ที่แม่นยำตลอดสัปดาห์ เขาทำ 106 พัตต์เท่านั้นในการแข่งขัน 72 หลุม ซึ่งเป็นสถิติน้อยที่สุดของตำแหน่งแชมป์ในช่วง 20 ปีหลังสุด ไม่มีพลาดเลยในการพัตต์ระยะ 10 ฟุต จากทั้งหมด 58 ครั้ง ซึ่งเจ้าตัวให้เครดิตกับแผ่นกระจกซ้อมพัตต์ที่นำมาช่วยแก้ไขปรับปรุงการพัตต์เมื่อช่วงหลายปีก่อน และกลับมาเจออีกครั้งในห้องเก็บของที่บ้านเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเขาเริ่มนำกลับมาใช้อีกครั้งก็ช่วยให้พัตต์ได้แม่นยำมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม็คอิลรอยปิดฉากหรูที่สกอตแลนด์
รอรี่ แม็คอิลรอย โปรกอล์ฟจากไอร์แลนด์เหนือ ทำเบอร์ดี้ที่หลุม 17 และ 18 ในการแข่งขันรอบสุดท้ายรายการ เจเนซิส สกอตติช โอเพ่น ที่สนามเรเนสซองส์ คลับ ประเทศสกอตแลนด์ การทำสองเบอร์ดี้ดังกล่าวมาได้ถูกจังหวะ ช่วยให้เขาพลิกสถานการณ์จากที่ตามหนึ่งสโตรกแซงคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 24 ในอาชีพ
ผลงานในการเล่นสองหลุมสุดท้ายของแม็คอิลรอยในวันอาทิตย์ ทำได้เยี่ยมมาก โดยตีออนห่างหลุมระยะ 6 ฟุต 7 นิ้ว เทียบกับสามวันแรกที่ระยะ 61 ฟุต 1 นิ้ว มีสโตรคเกน 2.91 ในหลุมที่ 17 และ 18 ดีกว่าสามวันแรก รวมทั้งเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตำแหน่งแชมป์ในพีจีเอทัวร์นับตั้งแต่ปี 2004
แม็คอิลรอย ยังเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่ทำเบอร์ดี้ในสองหลุมสุดท้ายและคว้าแชมป์นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นหลังจากคว้าแชมป์รายการแรกที่เวลส์ ฟาร์โก้ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2010 จำนวน 4,823 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวที่สุดของแชมป์ในฤดูกาลนี้ และนับเป็นฤดูกาลที่ 7 ของเขาที่ชนะเลิศหลายรายการ ดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ 3 ฤดูกาลนับตั้งแต่ปี 2012
“ฟาวเลอร์”กลับมาคว้าชัยในรอบสี่ปี
ริคกี้ ฟาวเลอร์ ห่างหายจากตำแหน่งแชมป์มานาน 4 ปี 4 เดือน กับอีก 29 วัน ดังนั้นการกลับมาคว้าชัยอีกครั้งจึงมีความพิเศษ เขาทำเบอร์ดี้ในการเล่นหลุมสุดท้าย และมาเก็บเบอร์ดี้อีกครั้งในการดวลเพลย์ออฟหลุมแรก เพื่อคว้าแชมป์รายการ ร็อคเก็ต มอร์ตเกจ คลาสสิค
โปรกอล์ฟวัย 34 ปี มีสถิติจบใน 15 อันดับแรก ในการลงเล่น 8 รายการหลังสุด ก่อนเข้าสู่การแข่งขันที่สนามดีทรอยต์ กอล์ฟ คลับ เขามีคะแนนตามหลังหนึ่งสโตรกเมื่อเข้าสู่สองวันสุดท้าย และทำได้ 10 อันเดอร์พาร์ ในการเล่น 26 หลุมสุดท้าย มีสโตรคเกน 6.06 และตีด้วยสกอร์ 60s ตลอดสี่วันเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้
ฟาวเลอร์ตีเข้ามาออน 61 กรีน ในสี่วัน เทียบเท่าสถิติดีที่สุดอันดับ 4 ของเขาในการลงเล่นในทัวร์ 14 ปี ห่างจากสถิติดีที่สุดเพียง 2 กรีน ซึ่งเขาทำได้ในรายการซีเจ คัพ เมื่อปี 2021 โดยหลุมพาร์ 5 คือหัวใจสำคัญสำหรับโปรกอล์ฟจากแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเขาเก็บแต้มได้ 12 อันเดอร์พาร์ มีสโตรคเกน 4.75 ในสนามนี้ ทำให้ฟาวเลอร์มีสถิติทำ 12 อันเดอร์พาร์ หรือดีกว่า ในหลุมพาร์ 5 เป็นครั้งที่ 6 ในระดับอาชีพ และได้แชมป์เป็นครั้งที่สองจาก 6 ครั้งที่ทำแบบนี้ได้ ที่เหลือจบใน 4 และ 5 อันดับแรก
พัตต์คมส่งสตราก้าครองแชมป์จอห์นเดียร์คลาสสิค
เซปป์ สตราก้า คือนิยามของผู้ไม่เคยยอมแพ้ในการแข่งขันรายการ จอห์น เดียร์ คลาสสิค เขาประเดิมรอบแรกตี 73 รั้งอันดับ 133 แต่พลิกสถานการณ์ทำได้ดีกว่าเดิม 10 ช็อตในการแข่งขันรอบที่สองในวันศุกร์ ผ่านตัดตัวได้อย่างไม่ยากเย็น และสถิติสกอร์ต่ำสุดต่อรอบตี 62 ในวันอาทิตย์ ส่งผลให้สตราก้าคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่สอง โดยเอาชนะคู่แข่ง 2 สโตรก แม้ตีตกน้ำในหลุมสุดท้าย
สตราก้าเป็นนักกอล์ฟคนที่ 4 ในฤดูกาลนี้ที่ตีโอเวอร์พาร์ในรอบแรกแล้วกลับมาคว้าแชมป์ และเป็นอันดับออกสตาร์ทที่ต่ำที่สุดของแชมป์นับตั้งแต่ 1983 นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นคนที่5 ที่ตีตกน้ำในหลุมสุดท้ายและยังคว้าชัยได้สำเร็จนับตั้งแต่ เว็บบ์ ซิมป์สัน ทำได้ในรายการ เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ ปี 2018 แต่สตราก้ามีสถิติเกมพัตต์ที่ดี เขาพัตต์รวมระยะ 466.11 ฟุต ที่สนามทีพีซี เดียร์ มากที่สุดในบรรดานักกอล์ฟที่คว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ และในสองรอบสุดท้าย เขาทำได้ดีกว่าคู่แข่ง 10.7 ช็อต และมีสถิติพัตต์ระยะ 57 ฟุตมากกว่าคู่แข่ง
ฮอดจ์ส นำม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ 3 เอ็ม โอเพ่น
ลี ฮอดจ์ส ประเดิมขึ้นนำในรอบแรกหลังตี 63 และไม่เสียตำแหน่งจ่าฝูง ก่อนคว้าชัยเหนือคู่แข่ง 7 สโตรก ซึ่งเป็นสกอร์ทิ้งห่างมากที่สุดของพีจีเอทัวร์ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และเป็นนักกอล์ฟคนที่ 11 ที่คว้าแชมป์ครั้งแรกในฤดูกาลนี้
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ฮอดจ์สคว้าแชมป์คือฟอร์มการเล่นในหลุมพาร์ 5 ซึ่งเขาเก็บแต้มได้ 12 อันเดอร์พาร์ เป็นอันดับหนึ่งของสนามทีพีซี ทวิน ซิตีส์ ในปีนี้ เขาทำ 8 เบอร์ดี้ 2 อีเกิ้ล ในรอบสุดท้าย มีสโตรคเกน +0.58 ในหลุมพาร์ 5 เป็นผลงานที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 5 ในทุกรายการของปีนี้ และแม้ฮอดจ์ส เพิ่งลงเล่นไปเพียง 64 รายการในทัวร์อาชีพ แต่สามารถรับมือกับความกดดันได้ดีไม่แพ้โปรจอมเก๋า และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมใน 9 หลุมสุดท้าย โดยมีสถิติทำคะแนนรวมในการเล่น 9 หลุมสุดท้าย 15 อันเดอร์พาร์ ดีกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ ในสนาม
“นอร์แมน” ผงาดแชมป์ที่บาร์บาโซล แชมเปี้ยนชิพ
วินเซนต์ นอร์แมน โปรกอล์ฟจากสวีเดน ผงาดครองแชมป์บาร์บาโซล แชมเปียนชิพ ที่สนามคีน เทรซ ในเมืองนิโคลาสวิลล์ รัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการแรกของนอร์แมน ในการลงเล่น 23 รายการ มีสถิติการเล่น 9 หลุมแรก ดีกว่า 9 หลุมหลังตลอดสัปดาห์ โดยเก็บแต้มรวม 15 อันเดอร์พาร์ ในการเล่น 9 หลุมแรก และทำได้ 6 อันเดอร์พาร์ใน 9 หลุมหลัง
ความแตกต่างดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนในการแข่งขันรอบสุดท้ายในวันอาทิตย์ เมื่อนอร์แมน ทำ 6 เบอร์ดี้ในช่วง 9 หลุมแรก แต่ตีอีเวนพาร์ใน 9 หลุมหลัง เขาเชฟพาร์ระยะ 8 ฟุต ที่หลุม 18 และได้ไปเพลย์ออฟตัดสินแชมป์กับ นาธาน คิมซีย์ จากอังกฤษ และนอร์แมนเอาชนะไปได้ด้วยการเซฟพาร์ที่หลุม 18 อีกครั้ง
อัคเชย์ บาเตีย ซิวแชมป์แรกในรายการ บาร์ราคูด้า แชมเปี้ยนชิพ
อัคเชย์ บาเตีย เข้าสู่การแข่งขันในเวทีพีจีเอทัวร์ด้วยสิทธิพิเศษ และการคว้าแชมป์แรกของเขาก็เกิดขึ้นในรายการ บาร์ราคูด้า แชมเปี้ยนชิพ ที่ใช้ระบบคิดคะแนนแบบสเตเบิลฟอร์ด บาเตียได้รับการยกย่องอย่างมากสมัยเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น ซึ่งเขาตัดสินใจไม่เรียนมหาวิทยาลัยและเลือกเทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 17 ปี ในการแข่งขันรอบสุดท้าย เขาทำเบอร์ดี้ที่หลุม 18 และได้ไปเพลย์ออฟ ก่อนเอาชนะ แพทริก รอดเจอร์ส ด้วยการเซฟพาร์
ทั้งนี้ บาเตีย พุ่งขึ้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำหลังทำได้ 17 คะแนนในรอบที่สาม ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในสนาม และมีคะแนนตามหลังร็อดเจอร์ส 3 แต้ม ตลอดสัปดาห์บาเตียทำ 23 เบอร์ดี้ 1 อีเกิ้ล 8 โบกี้ กับอีกหนึ่งดับเบิลโบกี้
เรื่อง: Helen Ross / ภาพ: Getty Images
หมายเหตุ: แฟนกีฬากอล์ฟสามารถติดตามชมการประชันฝีมือของยอดโปรกอล์ฟระดับแถวหน้าของโลกในการแข่งขันพีจีเอทัวร์ได้ทาง กอล์ฟ ชาแนล ไทยแลนด์ (Golf Channel Thailand)