บทความทางกฎหมาย โดยอัยการวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์ เรื่อง แบงค์ เลสเตอร์
สืบเนื่องจากข่าว "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลง แร็ปขายพวงมาลัยเลี้ยงยาย รับจ้างทำคอนเท็นต์ ถูกแกล้ง ล้อเลียน แลกหาเงินดูแลยายป่วยหลายโรค ผ่อนบ้านเลี้ยงครอบครัว เสียชีวิตจากการถูกจ้างให้ดื่มแอลกอฮอล์
อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต กระดกเหล้าช็อกดับ หลังไปร่วมงานเปิดร้านใหม่ ถูกท้าให้ดื่มเหล้า 1 แบน แลกกับเงิน 3 หมื่นบาท ผู้ตายรับคำท้าถ่ายคลิปโชว์เกิดน็อก หามส่ง รพ. กระทั่งเสียชีวิต
ต่อมาแพทย์นิติเวชผ่าชันสูตรหาสาเหตุ เบื้องต้นผลการชันสูตร ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนว่า “ แบงค์เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าหมดแบน หรือ เกิดจากสาเหตุอะไร” ทั้งนี้ แพทย์นิติเวชเจาะเลือดและตรวจเศษอาหารภายในกระเพาะส่งแล็บตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุต่อไป
นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า “การดื่มแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็วจะทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งท้องว่างจะยิ่งดูดซึมเร็ว ทั้งนี้ การที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีความเข้มข้นสูงจนไปกดการทำงานของระบบประสาท ถ้ามากเกินไปจะกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิต”
ร่างกายคนเราจะขับแอลกอฮอล์ออกประมาณ 15 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อชั่วโมง ผ่านทางเหงื่อและปัสสาวะ แต่การดื่มเร็วจะทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดขึ้นเร็ว กระทั่งอยู่ในระยะที่ทำให้หมดสติได้ง่าย สำหรับ ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายจะเริ่มรับไม่ไหวนั้นตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มจะไม่ไหวขาดสติ แต่กรณีหมดสติราวๆ 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ต่อมามีข่าวว่า “ มีการจับกุม นาย อ. หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับกรณี แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิต ด้วยหมายจับในความผิดฐาน “ กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต”
ในขณะที่ สังคมและนักกฎหมาย (บางคน) เห็นว่า น่าจะเป็นความผิดฐาน “ เจตนาฆ่า ”
มีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า.......
(1) ความตายของ “แบงค์ เลสเตอร์” เกิดจากอะไร ?
1.1 ความตายเกิดจาก การถูกท้า หรือ จ้างให้ดื่มเหล้า 1 แบน แลกกับเงิน 3 หมื่นบาท ( หรือแบนละหมื่นบาท) แล้วผู้ตายรับคำท้า หรือการจ้างให้ดื่ม แล้วถ่ายคลิปโชว์ทำคอนเท็นต์ จนกระทั่งน็อกเสียชีวิต ใช่หรือไม่ ? หรือ
1.2 ความตายเกิดจากโรคอื่น หรือโรคประจำตัวของ แบงค์ เลสเตอร์ ใช่หรือไม่ ?
(2) ใครต้องรับผิดบ้าง ?
(3) รับผิดฐานใด ?
3.1 เจตนาฆ่า หรือ
3.2 กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ความผิดทั้งสองฐาน มีองค์ประกอบความผิดและบทกำหนดโทษที่แตกต่างกัน
คราวนี้มาดูข้อกฎหมายกัน………
(1) พยานหลักฐานที่เป็น “วัตถุพยาน” คือ ภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ แบงค์ เลสเตอร์ กระดกดื่มของเหลวที่บรรจุในขวดแก้ว ทรงคล้ายเหล้าขนาดแบน ทันทีและต่อเนื่องจนหมดแบน (มีการโต้แย้งว่า สุราได้ผสมแล้ว )
(2) พยานหลักฐานที่เป็น “นิติวิทยาศาสตร์” คือ ผลการตรวจชันสูตรเบื้องต้น พบว่า “ แอลกอฮอล์เป็นพิษในกระแสเลือด” ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ ( ต้องรอผลตรวจทาง Lab จึงสามารถจะสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่ แน่ชัดได้ )
อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ “ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็วจะทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งท้องว่างจะยิ่งดูดซึมเร็ว ทั้งนี้ การที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีความเข้มข้นสูงจนไปกดการทำงานของระบบประสาท ถ้ามากเกินไปจะกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิต”
ดังนั้น ถ้า (หาก) ผลการตรวจโดยละเอียด หรือ ผล Lab ออกมาว่า “ ความตายของแบงค์ เลสเตอร์” เกิดจากปริมาณแอลกอฮออล์ในร่างกายมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ แล้วไปกดการทำงานของระบบประสาท กดการหายใจและทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิต
ความตายของนายแบงค์ฯ จึงเป็นผลโดยตรงจาก “ การดื่มสุราต่อเนื่องจนหมดแบนทันที” จนทำให้ปริมาณแอลกอฮออล์ในร่างกายนายแบงค์ฯ มีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้
(3) การ “จ้าง” ให้ดื่มเหล้า หรือ การ “ท้า” ให้ดื่มเหล้า โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนแล้วผู้ถูกจ้าง หรือผู้ถูกท้าให้ดื่มเหล้าถึงแก่ความตาย จะถือว่า “ผู้จ้าง หรือ “ผู้ท้า” ให้ดื่มสุราจนนายแบงค์ ฯ ถึงแก่ความตาย” จะต้องรับผิดชอบในความตายของ แบงค์ เลสเตอร์ หรือไม่
ไม่ว่า แบงค์ เลสเตอร์ จะ “สมัครใจ” รับจ้างดื่มสุรา เพื่อแลกเงินตอบแทน แบนละหมื่น หรือ เป็นเงินสามหมื่นบาทก็ตาม หรือ แบงค์ ฯ รับคำท้าโดยมีผลประโยชน์ตอบแทนจากคำท้าก็ตาม แสดงว่า การดื่มสุราจำนวนมากและต่อเนื่องทันทีนั้น เกิดจากการจ้างหรือการท้าดังกล่าว มิได้เกิดจาก “ เจตนาโดยแท้” ของ แบงค์ เลสเตอร์ หากแต่เกิดจากการ “ก่อ” ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราในลักษณะขวดแบนดังกล่าวแบบต่อเนื่องจนหมดแบนทันที จน แบงค์ เลสเตอร์ ถึงแก่ความตาย ดังนั้นผู้ว่าจ้าง หรือผู้ท้า ต้องรับผิดในผลแห่งความตายของ แบงค์ เลสเตอร์ ทั้งนี้โดย ผู้ว่าจ้าง หรือ ผู้ท้าโดยเสนอผลประโยชน์จากการจ้างหรือการท้าดังกล่าว จะต้องรับผิดชอบในผลแห่งการก่อให้ “ผู้ถูกกระทำ” กระทำการดังกล่าว
นอกจากนี้ ตามข่าว (หาก) แบงค์ เลสเตอร์ เป็นผู้พิการทางสมอง หรือ มีความบกพร่องทางสติปัญญา ยิ่งตอกย้ำว่า ผู้จ้าง หรือ ผู้ท้าโดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน อาศัยความบกพร่องทางสติปัญญาของแบงค์ แล้วชักจูงให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราจำนวนมากต่อเนื่องและทันทีจน แบงค์ ถึงแก่ความตาย ผู้จ้าง หรือ ผู้ท้าโดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน จักต้องรับผิดชอบในผลแห่งความตายของ แบงค์ เลสเตอร์
(4) การกระทำของ “ผู้จ้าง” หรือ “ผู้ท้า” โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน จะต้องรับผิดฐาน “ เจตนาฆ่าผู้อื่น” หรือ รับผิดฐาน “ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
4.1 ความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 มีองค์ประกอบทางกฎหมาย คือ
ผู้ใด “ฆ่าผู้อื่น” ต้องระวางโทษ “ ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุกตั้งแต่ 10 – 20 ปี
4.2 ส่วนความผิดฐาน “ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” มีองค์ประกอบทางกฎหมาย คือ
มาตรา 291 "ผู้ใด กระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท"
จะเห็นได้ว่า ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว มีองค์ประกอบทางกฎหมายและบทลงโทษที่แตกต่างกัน โดยความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” จะมีบทลงโทษที่หนักกว่า ความผิดฐาน “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
คราวนี้มาดูว่า อย่างไรจึงเป็น “ เจตนาฆ่า ”
“เจตนาทางกฎหมาย” แบ่งเป็น
1) เจตนาโดยประสงค์ต่อผล และ
2) เจตนาเล็งเห็นผล
“เจตนาประสงค์ต่อผล” คือ มีการกระทำโดยต้องการให้เกิดผลนั้นขึ้น (จงใจ) ต้องการอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น แล้วผลก็เกิดตามนั้น เช่น ต้องการให้เขาตาย จึงฆ่าเขาตาย ผลคือ เขาตาย
แต่ "เจตนาเล็งเห็นผล " คือ มีการกระทำที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจ แม้จะไม่ได้ต้องการให้เกิดผล แต่ในตอนทำนั้น รู้ว่าผลนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ หรือ เล็งเห็นผลได้ว่า ผลจะเกิดขึ้น
การที่ กลุ่มบุคคลตามภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในสื่อ หรือคอนเท็นต์ดังกล่าว “จ้าง”หรือ “ท้า”ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราลักษณะขวดแบนให้หมดแบบต่อเนื่องและทันที
ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า แบงค์ เลสเตอร์ หรือ ใครก็ตามที่ดื่มสุราซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์เป็นจำนวนมากและต่อเนื่องทันทีย่อมอาจเกิดอาการปริมาณแอลกอฮออล์ในร่างกายเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน อาจไปกดการทำงานของระบบประสาท อาจไปจะกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิตได้ อันเป็น “ เจตนาเล็งเห็นผล” ได้ว่า การกระทำเช่นนั้น อาจทำให้ผู้อื่น ( นายแบงค์ฯ ) ถึงแก่ความตายได้ แม้กลุ่มบุคคลนั้น จะไม่ได้ประสงค์ต่อผลให้ นายแบงค์ฯ ถึงแก่ความตาย หรือ เพียงมุ่งหวังทำคอนเท็นต์เท่านั้นก็ตาม
คราวนี้มาดู “ การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
การกระทำโดยประมาท หมายถึง การกระทำมิใช่โดยเจตนา แต่ปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัย และพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ หรือ พูดง่ายง่ายว่า “ ใช้ความระมัดระวังได้ แต่ไมใช้ความระมัดระวังเสียเลย”
ส่วนการกระทำของ กลุ่มบุคคลตามภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในสื่อ หรือคอนเท็นต์ดังกล่าว “จ้าง”หรือ “ท้า”ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราลักษณะขวดแบนให้หมดแบบต่อเนื่องและทันทีนั้น จะเป็น การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ( นายแบงค์ ) ถึงแก่ความตาย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวหรือไม่ นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนในโอกาสต่อไป
ส่วนการกระทำของกลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำการ “จ้าง” หรือ “ ท้า” โดยเสนอผลประโยชน์เพื่อให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราในลักษณะดังกล่าว จะเป็นความผิดฐานอื่นอีกด้วยหรือไม่ เช่น นำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันลามก อนาจาร ฯ รวมถึงความผิดฐาน “ ค้ามนุษย์” ตามที่ปรากฏเป็นข่าวด้วยหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับ พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในโอกาสต่อไป
มาถึงบรรทัดนี้หวังว่า ท่านผู้อ่านคงจะได้รับความรู้และเข้าใจทางกฎหมายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่มากก็น้อย
นายวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์
อัยการศาลสูงจังหวัดสมุทรปราการ
(อดีต) รองประธานคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ( คนที่สอง ) ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร (สมัยที่ 25 ) 29 ธันวาคม 2567
สืบเนื่องจากข่าว "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลง แร็ปขายพวงมาลัยเลี้ยงยาย รับจ้างทำคอนเท็นต์ ถูกแกล้ง ล้อเลียน แลกหาเงินดูแลยายป่วยหลายโรค ผ่อนบ้านเลี้ยงครอบครัว เสียชีวิตจากการถูกจ้างให้ดื่มแอลกอฮอล์
อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต กระดกเหล้าช็อกดับ หลังไปร่วมงานเปิดร้านใหม่ ถูกท้าให้ดื่มเหล้า 1 แบน แลกกับเงิน 3 หมื่นบาท ผู้ตายรับคำท้าถ่ายคลิปโชว์เกิดน็อก หามส่ง รพ. กระทั่งเสียชีวิต
ต่อมาแพทย์นิติเวชผ่าชันสูตรหาสาเหตุ เบื้องต้นผลการชันสูตร ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนว่า “ แบงค์เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าหมดแบน หรือ เกิดจากสาเหตุอะไร” ทั้งนี้ แพทย์นิติเวชเจาะเลือดและตรวจเศษอาหารภายในกระเพาะส่งแล็บตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุต่อไป
นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า “การดื่มแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็วจะทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งท้องว่างจะยิ่งดูดซึมเร็ว ทั้งนี้ การที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีความเข้มข้นสูงจนไปกดการทำงานของระบบประสาท ถ้ามากเกินไปจะกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิต”
ร่างกายคนเราจะขับแอลกอฮอล์ออกประมาณ 15 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อชั่วโมง ผ่านทางเหงื่อและปัสสาวะ แต่การดื่มเร็วจะทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดขึ้นเร็ว กระทั่งอยู่ในระยะที่ทำให้หมดสติได้ง่าย สำหรับ ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายจะเริ่มรับไม่ไหวนั้นตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มจะไม่ไหวขาดสติ แต่กรณีหมดสติราวๆ 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ต่อมามีข่าวว่า “ มีการจับกุม นาย อ. หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับกรณี แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิต ด้วยหมายจับในความผิดฐาน “ กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต”
ในขณะที่ สังคมและนักกฎหมาย (บางคน) เห็นว่า น่าจะเป็นความผิดฐาน “ เจตนาฆ่า ”
มีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า.......
(1) ความตายของ “แบงค์ เลสเตอร์” เกิดจากอะไร ?
1.1 ความตายเกิดจาก การถูกท้า หรือ จ้างให้ดื่มเหล้า 1 แบน แลกกับเงิน 3 หมื่นบาท ( หรือแบนละหมื่นบาท) แล้วผู้ตายรับคำท้า หรือการจ้างให้ดื่ม แล้วถ่ายคลิปโชว์ทำคอนเท็นต์ จนกระทั่งน็อกเสียชีวิต ใช่หรือไม่ ? หรือ
1.2 ความตายเกิดจากโรคอื่น หรือโรคประจำตัวของ แบงค์ เลสเตอร์ ใช่หรือไม่ ?
(2) ใครต้องรับผิดบ้าง ?
(3) รับผิดฐานใด ?
3.1 เจตนาฆ่า หรือ
3.2 กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ความผิดทั้งสองฐาน มีองค์ประกอบความผิดและบทกำหนดโทษที่แตกต่างกัน
คราวนี้มาดูข้อกฎหมายกัน………
(1) พยานหลักฐานที่เป็น “วัตถุพยาน” คือ ภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ แบงค์ เลสเตอร์ กระดกดื่มของเหลวที่บรรจุในขวดแก้ว ทรงคล้ายเหล้าขนาดแบน ทันทีและต่อเนื่องจนหมดแบน (มีการโต้แย้งว่า สุราได้ผสมแล้ว )
(2) พยานหลักฐานที่เป็น “นิติวิทยาศาสตร์” คือ ผลการตรวจชันสูตรเบื้องต้น พบว่า “ แอลกอฮอล์เป็นพิษในกระแสเลือด” ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ ( ต้องรอผลตรวจทาง Lab จึงสามารถจะสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่ แน่ชัดได้ )
อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ “ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างรวดเร็วจะทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งท้องว่างจะยิ่งดูดซึมเร็ว ทั้งนี้ การที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีความเข้มข้นสูงจนไปกดการทำงานของระบบประสาท ถ้ามากเกินไปจะกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิต”
ดังนั้น ถ้า (หาก) ผลการตรวจโดยละเอียด หรือ ผล Lab ออกมาว่า “ ความตายของแบงค์ เลสเตอร์” เกิดจากปริมาณแอลกอฮออล์ในร่างกายมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ แล้วไปกดการทำงานของระบบประสาท กดการหายใจและทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิต
ความตายของนายแบงค์ฯ จึงเป็นผลโดยตรงจาก “ การดื่มสุราต่อเนื่องจนหมดแบนทันที” จนทำให้ปริมาณแอลกอฮออล์ในร่างกายนายแบงค์ฯ มีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้
(3) การ “จ้าง” ให้ดื่มเหล้า หรือ การ “ท้า” ให้ดื่มเหล้า โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนแล้วผู้ถูกจ้าง หรือผู้ถูกท้าให้ดื่มเหล้าถึงแก่ความตาย จะถือว่า “ผู้จ้าง หรือ “ผู้ท้า” ให้ดื่มสุราจนนายแบงค์ ฯ ถึงแก่ความตาย” จะต้องรับผิดชอบในความตายของ แบงค์ เลสเตอร์ หรือไม่
ไม่ว่า แบงค์ เลสเตอร์ จะ “สมัครใจ” รับจ้างดื่มสุรา เพื่อแลกเงินตอบแทน แบนละหมื่น หรือ เป็นเงินสามหมื่นบาทก็ตาม หรือ แบงค์ ฯ รับคำท้าโดยมีผลประโยชน์ตอบแทนจากคำท้าก็ตาม แสดงว่า การดื่มสุราจำนวนมากและต่อเนื่องทันทีนั้น เกิดจากการจ้างหรือการท้าดังกล่าว มิได้เกิดจาก “ เจตนาโดยแท้” ของ แบงค์ เลสเตอร์ หากแต่เกิดจากการ “ก่อ” ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราในลักษณะขวดแบนดังกล่าวแบบต่อเนื่องจนหมดแบนทันที จน แบงค์ เลสเตอร์ ถึงแก่ความตาย ดังนั้นผู้ว่าจ้าง หรือผู้ท้า ต้องรับผิดในผลแห่งความตายของ แบงค์ เลสเตอร์ ทั้งนี้โดย ผู้ว่าจ้าง หรือ ผู้ท้าโดยเสนอผลประโยชน์จากการจ้างหรือการท้าดังกล่าว จะต้องรับผิดชอบในผลแห่งการก่อให้ “ผู้ถูกกระทำ” กระทำการดังกล่าว
นอกจากนี้ ตามข่าว (หาก) แบงค์ เลสเตอร์ เป็นผู้พิการทางสมอง หรือ มีความบกพร่องทางสติปัญญา ยิ่งตอกย้ำว่า ผู้จ้าง หรือ ผู้ท้าโดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน อาศัยความบกพร่องทางสติปัญญาของแบงค์ แล้วชักจูงให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราจำนวนมากต่อเนื่องและทันทีจน แบงค์ ถึงแก่ความตาย ผู้จ้าง หรือ ผู้ท้าโดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน จักต้องรับผิดชอบในผลแห่งความตายของ แบงค์ เลสเตอร์
(4) การกระทำของ “ผู้จ้าง” หรือ “ผู้ท้า” โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทน จะต้องรับผิดฐาน “ เจตนาฆ่าผู้อื่น” หรือ รับผิดฐาน “ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
4.1 ความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 มีองค์ประกอบทางกฎหมาย คือ
ผู้ใด “ฆ่าผู้อื่น” ต้องระวางโทษ “ ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุกตั้งแต่ 10 – 20 ปี
4.2 ส่วนความผิดฐาน “ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” มีองค์ประกอบทางกฎหมาย คือ
มาตรา 291 "ผู้ใด กระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท"
จะเห็นได้ว่า ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าว มีองค์ประกอบทางกฎหมายและบทลงโทษที่แตกต่างกัน โดยความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” จะมีบทลงโทษที่หนักกว่า ความผิดฐาน “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
คราวนี้มาดูว่า อย่างไรจึงเป็น “ เจตนาฆ่า ”
“เจตนาทางกฎหมาย” แบ่งเป็น
1) เจตนาโดยประสงค์ต่อผล และ
2) เจตนาเล็งเห็นผล
“เจตนาประสงค์ต่อผล” คือ มีการกระทำโดยต้องการให้เกิดผลนั้นขึ้น (จงใจ) ต้องการอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น แล้วผลก็เกิดตามนั้น เช่น ต้องการให้เขาตาย จึงฆ่าเขาตาย ผลคือ เขาตาย
แต่ "เจตนาเล็งเห็นผล " คือ มีการกระทำที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจ แม้จะไม่ได้ต้องการให้เกิดผล แต่ในตอนทำนั้น รู้ว่าผลนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ หรือ เล็งเห็นผลได้ว่า ผลจะเกิดขึ้น
การที่ กลุ่มบุคคลตามภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในสื่อ หรือคอนเท็นต์ดังกล่าว “จ้าง”หรือ “ท้า”ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราลักษณะขวดแบนให้หมดแบบต่อเนื่องและทันที
ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า แบงค์ เลสเตอร์ หรือ ใครก็ตามที่ดื่มสุราซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์เป็นจำนวนมากและต่อเนื่องทันทีย่อมอาจเกิดอาการปริมาณแอลกอฮออล์ในร่างกายเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน อาจไปกดการทำงานของระบบประสาท อาจไปจะกดการหายใจทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิตได้ อันเป็น “ เจตนาเล็งเห็นผล” ได้ว่า การกระทำเช่นนั้น อาจทำให้ผู้อื่น ( นายแบงค์ฯ ) ถึงแก่ความตายได้ แม้กลุ่มบุคคลนั้น จะไม่ได้ประสงค์ต่อผลให้ นายแบงค์ฯ ถึงแก่ความตาย หรือ เพียงมุ่งหวังทำคอนเท็นต์เท่านั้นก็ตาม
คราวนี้มาดู “ การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
การกระทำโดยประมาท หมายถึง การกระทำมิใช่โดยเจตนา แต่ปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัย และพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ หรือ พูดง่ายง่ายว่า “ ใช้ความระมัดระวังได้ แต่ไมใช้ความระมัดระวังเสียเลย”
ส่วนการกระทำของ กลุ่มบุคคลตามภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏในสื่อ หรือคอนเท็นต์ดังกล่าว “จ้าง”หรือ “ท้า”ให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราลักษณะขวดแบนให้หมดแบบต่อเนื่องและทันทีนั้น จะเป็น การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น ( นายแบงค์ ) ถึงแก่ความตาย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวหรือไม่ นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนในโอกาสต่อไป
ส่วนการกระทำของกลุ่มบุคคลผู้ร่วมกระทำการ “จ้าง” หรือ “ ท้า” โดยเสนอผลประโยชน์เพื่อให้ แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มสุราในลักษณะดังกล่าว จะเป็นความผิดฐานอื่นอีกด้วยหรือไม่ เช่น นำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันลามก อนาจาร ฯ รวมถึงความผิดฐาน “ ค้ามนุษย์” ตามที่ปรากฏเป็นข่าวด้วยหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับ พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในโอกาสต่อไป
มาถึงบรรทัดนี้หวังว่า ท่านผู้อ่านคงจะได้รับความรู้และเข้าใจทางกฎหมายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่มากก็น้อย
นายวรเทพ สกุลพิชัยรัตน์
อัยการศาลสูงจังหวัดสมุทรปราการ
(อดีต) รองประธานคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ( คนที่สอง ) ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร (สมัยที่ 25 ) 29 ธันวาคม 2567